12 ก.ย. 2555

วันแห่งความสุข ถอนอุทธรณ์ 12 กย. 55

 
 
เช้านี้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ออกศาลหรือเปล่า เพราะเช็คกับพี่สุรเดชแล้วก็ยังไม่รู้เมื่อคืน เราเลยรอเขาประกาศเรียกตอนเช้า เมื่อคืนมีคดีชูวิทย์ เข้ามา 40 กว่่าคน ทำเอาห้อง 13 ที่เป็นห้องแรกรับแน่นไปด้วยผู้คน พอเปิดขัง กินกาแฟได้สักพัก พี่สุรเดช จึงประกาศชื่อของเราออกศาล ดีจังจะได้จบๆ เสียที เราจึงรีบเปลี่ยนชุดออกศาล แล้วเตรียมตัวไปศาลในทันที ลุ้นอยู่ว่าจะเอารองเท้าออกได้หรือเปล่า เจอพี่ใหม่ที่ประตู 4 เขาก็ทำเป็นไม่เห้น เราจึงเอาใส่ถุงขึ้นรถไป ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

ถึงศาลประมาณเกือบ 9 โมง เห็นป๋าจอม เดินมาทักอยู่ไกลๆ ใส่ชุดแดงด้วย แล้วเราชี้นิ้วไปข้างบน เพื่อบอกว่าเจอกันข้างบนนะ

แล้วเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นไปที่ห้อง 913 หรือ 903 จำไม่ได้ละ พบคุณอานนท์ คุณนิ้ว (ไอลอร์) คุณปลา (ประชาไท) ป๋าจอม เคน เอกชัย (หงส์กังวาน) คนของโรเบิร์ด อัมสเตอร์ดัม 2 คน ป้า 2 คน พี่ตุ๋ย พี่ชาติ (สุชาติ นาคบางไทร) ญ+ช. คุณป้า (ที่ชอบ) ถ่ายรูป ตามไปให้กำลังใจคนของโรเบิร์ต สัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษพอประมาณ โชคดีเราพอตอบได้ ไม่งั้นขายขี้หน้าแน่ เพราะมีหลายคนอยู่

ลงมายังยืนคุยกับพี่ชาติ (สุชาติ นาคบางไทร) และหลายๆ คนอยู่นาน พี่ชาติน่ารักมาก คุณนิ้วด้วย เดี๋ยวจะเขียนจดหมายแซวสักหน่อย

วันนี้ได้ออกไปโลกภายนอก มีความสุขจังเลย สรุป 2 พ.ค. 2555 เราถอนอุทธรณ์แล้ว !!

จบ..
12 กันยายน 2555

6 ส.ค. 2555

พวกเราอยู่กันจนถึงวันนี้ได้...ด้วยกำลังใจ (โครงการอีเมล์หยดน้ำ)

 

สองปีกว่าๆ แล้วที่พวกเราหลายสิบชีวิต ต้องถูกคุมขังอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านของพวกเรา คนไม่เคยติดคุกคงไม่รู้หรอกว่า วันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน มันทุกข์ใจขนาดไหน ผมอยากให้เพื่อนๆ ข้างนอกแค่ลองคิดดูก็ได้ว่าถ้าสักวันหนึ่ง อาจต้องมาอยู่ในคุก เอาแค่วันเดียวก็พอ ที่ๆ เราไม่มีใครรู้จัก แวดล้อมด้วยนักโทษคดีต่างๆ อยู่ในพื้นที่ที่ล้อมด้วยกำแพงสูง มีลวดหนามแน่นหนา อาหารการกินก็เทียบกันไม่ได้กับข้างนอก ต้องอาบน้ำ และนอนรวมกันกับผู้ต้องขังหลายสิบชีวิต และเปิดไฟตลอดทั้งคืน ไม่ได้กอดคนรัก ไม่ได้พูดคุยกับพี่น้องญาติมิตร และอะไรต่างๆ อีกมากมาย เพื่อนๆ จะอยู่กันได้ไหม?

แต่พวกเราอยู่กันได้ อยู่โดยไม่ได้อยากจะอยู่ แต่มันประกันไม่ได้ เขาไม่ให้ บ้างก็ตัดสินมาแล้ว รอความช่วยเหลืออยู่ และรอมานานแล้ว ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายทางเลย คนอย่างพวกเราจะทำอะไรได้จริงมั้ย? ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีความภาคภูมิใจในการออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย โดยใช้สิทธิของประชาชน พลเมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ความเป็นคนเสื้อแดงในวันนั้น มันช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ เสียงปลุกเร้า กระตุ้นจิตใจให้ฮึกเหิม เสียงโห่ร้องของมวลชน ทำให้เรามีกำลังใจ และมีใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกเราคงจะนึกภาพออก

พวกเราที่ถูกขังอยู่ในวันนี้คือพวกที่พลาดในวันนั้น หรือจะเรียกว่า ซวย ก็ได้ ซวยที่ถูกจับในฐานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสื้อแดง ที่ซวยที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่เราซวยที่ถูกจับ แล้วยังต้องอยู่แบบตัวใคร ตัวมัน ไร้การเหลียวแล ช่วยเหลือจาก..ใครดีล่ะ เพื่อนๆ คิดว่าควรจะเป็นใครดี บอกตามตรงเลยว่าค่อนข้างผิดหวังมากๆ ไม่เชื่อถามพวกที่เพิ่งประกันตัวออกไปได้ล่าสุดดูสิ มุกดาหาร มหาสารคาม ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร?

แต่พวกเราก็โชคดีที่ยังมีมวลชนกลุ่มเล็กๆ เพียงไม่กี่คนที่เห็นว่าพวกเราก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน เป็นแดงที่ไม่ใช่แดงคอนเสิร์ต แต่เป็นแดงที่มีจิตใจงดงาม แวะเวียนมาให้กำลังใจคนตัวเล็กๆ กลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้แม้วันที่ไม่มีคนระดับแกนนำอยู่ในนี้แล้ว พวกเขาก็ยังมา (ขออนุญาตสดุดีความดีของพวกเขาในอนาคตแบบรวบยอดอีกที ผมไม่ลืมแน่นอน) มาอย่างสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบันนี้ 

อยากจะบอกว่า พวกเราได้กำลังใจจากคนกลุ่มนี้ทั้งๆ ที่เราคาดหวังที่จะได้กำลังใจจากคนอีกกลุ่มหนึ่งมากกว่า  เพราะเหมือนนำเรามา กำลังใจน้อยนิดนี้สามารถเติมเต็มให้เรามีความหวัง และรู้สึกมีค่าขึ้น และไม่รู้สึกเสียดายที่เราต้องมาเผชิญชะตากรรมในคุก เรามีความหวัง และรู้สึกมีค่าขึ้น ไม่รู้สึกเสียดายที่เราต้องมาเผชิญชะตากรรมในคุก

นอกจากกำลังใจที่ได้จากมวลชนกลุ่มเล็กๆ นี้แล้ว อีกทางหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจได้เหมือนกันก็คือ จดหมาย หรือไปรษณียบัตร เขียนข้อความสั้นให้กำลังใจพวกเรา ที่เห็นมีทำอยู่ช่วงหนึ่งในช่วงที่แกนนำยังอยู่ แต่หลังจากนั้นก็หายไป

เช่นกัน เราได้รับจดหมายจากบุคคลภายนอกน้อยมาก แทบไม่มี แม้แต่คนระดับหัวขบวนอย่างคุณสมยศ คุณสุรชัย ที่มีชื่อเสียงมากกว่าพวกเรา ก็ยังแทบไม่มีเลย แต่จดหมายน้อยๆ เหล่านี้อีกนั่นแหละที่เปรียบเสมือนสิ่งที่มีค่าที่สุดของพวกเรา ที่เราจะทนุถนอมเก็บเอาไว้อย่างดี เมื่อวันที่ท้อแท้ หมดกำลังใจ จดหมายพวกนี้แหละ จะช่วยเพิ่มกำลังใจให้เรามีรอยยิ้มได้ (อากงผู้ล่วงลับ เวลาดูจดหมายของหลานๆ ของป้าอุ๊ อากงยังร้องไห้ทุกครั้งเลย) สร้างน้ำตาด้วยก็ได้ ผมเองก็มักจะหยิบจดหมายเก่าๆ ที่เก็บเอาไว้มาอ่านเสมอ บ่อยที่สุดก็ของลูก ของป๊า ส่วนของเพื่อนๆ แทบไม่มีใครส่งมา ดูแล้วไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ?

จุดนี้เอง จึงเป็นที่มาของโครงการที่ผมอยากชักชวนเพื่อนๆ ชาวไซเบอร์ ส่งอีเมลมาให้กำลังใจพวกเราหน่อย ก็ขอกันตรงๆ แบบนี้ ในฐานะที่ก็เป็นคนไซเบอร์เหมือนกัน เพราะผมรู้ว่ากำลังใจ จากคนข้างนอก มันสุดแสนจะมีค่าเพียงใดกับคนข้างใน แค่อีเมลครับ ไม่ต้องหยุดงานมาเยี่ยม ไม่เสียเงินด้วย อยากฝากกำลังใจให้ใครแบบเดี่ยวๆ หรือแบบกลุ่มก็ตามสะดวกครับ ส่วนรายละเอียด วิธีการส่ง รายชื่อผูต้องขังในแต่ละเรือนจำมีอย่างไร ขอแยกไว้อีกส่วนละกันนะครับ

สุดท้าย นี้ ผมหวังว่าคงจะไม่เป็นการขอมากเกินไป ผมเชื่อว่าถ้าโครงการนี้สำเร็จ พวกเราในนี้ก็คงจะมีกำลังใจมากขึ้นอีกเยอะเลย จริงๆ ครับ *0*


เชื่อมั่น และศรัทธา
หนุ่มแดงนนท์ (6 สิงหาคม 2555)

13 ธ.ค. 2552

13 ธันวา 52 วันเลิกบุหรี่อีกครั้ง

smoking-acne

เมื่อคืนได้อำลาบุหรี่มวนสุดท้าย ซองสุดท้าย หลังที่กลับมาสูบอีกครั้ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ป๊าเองเคยเลิกได้นานเลยนะ เป็นปีไม่กลับไปสุบอีก แต่หลังๆ มันเครียดจากหลายๆ ปัญหา ก็เลยกลับมาสูบอีก

เอาเป็นว่า.. วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวัน วันแห่งการเริ่มต้น วันแห่งการพิชิตใจตัวเองอีกครั้ง แล้วมาดูกันว่า ที่ป๊าบอกกับคนอื่นว่า “ไม่ติดบุหรี่ จะเลิกเมื่อไหร่ก็ได้นั้น” มันจะเป็นความจริงหรือไม่

บันทึกไว้อีกครั้ง.. กับคำสัญญาที่ให้กับตัวเอง

พัฒนาการของลูก

ตอนนี้น้องเว็บก็อายุได้ 9 ขวบ 2 เดือนแล้ว โตขึ้นมากแล้ว น้ำหนักที่ชั่งได้วันนี้ก็ 27.2 กิโล ดูผอมนะ แต่ทำไงได้ เค้าก็กินข้าว กินนม กินขนมปรกติ บางคนบอกว่า อยากจะให้น้องเว็บอ้วนกว่านี้ แต่ป๊าก็พยายามทำเต็มที่แล้วนะ

มีเรื่องอยากจะบันทึกเอาไว้ สำหรับพัฒนาการของน้องเว็บ จริงๆ แล้วมันก็เริ่มมานานแล้วหละ เรื่องที่น้องเว็บพยายามที่จะช่วยป๊าทำโน่นทำนี่ จริงๆ แล้วสำคัญนะ เพราะสิ่งที่ป๊าปฏิบัติกับน้องเว็บ เรื่องงานบ้าน เรื่องความรับผิดชอบต่างๆ น้องเว็บคงจะได้เห็นมาตลอด ตั้งแต่เราอยู่กันโดยลำพังเมื่อ 6 ปีก่อน มันต้องแซกซึมเข้าไปบ้างสิน่า..

หวังอยู่ว่าอนาคต หากน้องเว็บโตเป็นผู้ใหญ่ และมีครอบครัว จะได้ช่วยฝ่ายหญิงได้ด้วยไง ไม่ต้องเกี่ยงว่าอันนี้เป็นงานของผู้หญิง อันนี้เป็นงานของผู้ชาย ซึ่งตลอดมา น้องเว็บก็น่าจะเห็นนะว่า เรื่องงานบ้านป๊าก็ทำมาตลอด ไม่ว่าจะมีแม่ของน้องเว็บอยู่หรือไม่ก็ตาม

สองอาทิตย์นี้ น้องเว็บขอป๊ารีดผ้าเอง น้องเว็บขอป๊า ล้างรองเท้าแตะเอง ล้างรองเท้าผ้าใบเอง ทั้งสีขาว และสีดำเลย และน้องเว็บก็ทำได้สะอาดเลยทีเดียว ป๊าแอบชื่นชมในใจ อึ่มม…

อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นใจได้ระดับหนึ่งแหละว่า น้องเว็บทำได้ และต่อไปน้องเว็บก็คงจะทำอะไรๆ ได้มากกว่านี้

ป๊าภูมิใจจัง.. แม้จะดูเล็กน้อยก็ตาม
รักลูกนะ… จากป๊า

26 พ.ย. 2551

โอกาสที่จะร้องไห้.. เหมือนเด็กคนอื่น

ได้ยินเสียงเด็กข้างบ้าน แหกปากร้องไห้ เวลาไม่พอใจอะไร เวลาต้องการอะไร เมื่อร้องแล้วก็จะมีอากง อาม่า อาเจ็ก อาแปะ ต่างรีบกรูกันเข้ามาเพื่อปลอบใจ โอ๋ๆ จนเด็กคนนั้นหยุดร้อง และจะได้ยินอยู่บ่อยครั้ง เพราะเด็กคนนั้นยังเล็กอยู่ หลายครั้งก็อดคิด และสะท้อนถึงน้องเว็บไม่ได้ว่า น้องเว็บเกิดมา ในสภาพแวดล้อมที่สามปีแรก มีพ่อแม่อยู่ครบ และไม่มีใครอื่น ไม่มีอากง ไม่มีอาม่า ไม่มีญาติฝ่ายแม่ หรือฝ่ายพ่อมาดูแล มาใกล้ชิด มาให้ความอบอุ่น

สิ่งที่น้องเว็บมี คือความอบอุ่นจากพ่อ และแม่ของน้องเว็บเท่านั้น และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้น ก็คือช่วงเวลาที่ใครบางคน มาจากไป ทิ้งให้เราเหลือกันอยู่แค่สองคน ทางเลือกที่น้องเว็บไม่ได้ต้องการก็เกิดขึ้นมาอีก สุดท้าย ก็เหลือแค่พ่อของเค้าเพียงคนเดียว

เคยคิดอยู่หลายครั้งว่า น้องเว็บเคยร้องไห้แหกปาก เรียกร้องความสนใจอย่างกับเด็กข้างบ้านบ้างหรือเปล่า ก็สรุปว่าไม่ค่อย หรือแทบจะไม่มีเลย ไอ้ที่จะคิดว่าน้องเว็บเป็นเด็กที่น่ารัก ไม่งอแงเหมือนเด็กคนอื่นก็ไม่ใช่ เพราะเด็กก็คือเด็ก อยากร้องก็ร้อง คงไม่เสแสร้งอะไร เหมือนผู้ใหญ่บางคน
 
ความจริงแล้ว น้องเว็บไม่มีโอกาสที่จะร้องไห้ แหกปากเรียกร้องความสนใจมากกว่า เพราะสามปีแรก หันไปทางไหนก็เจอไม่พ่อก็แม่ นั่นยังดีหน่อย แต่หลังจากนั้น จะร้องไห้งอแง ก็เจอแต่พ่อมัน สุดท้าย น้องเว็บก็เลยไม่ร้องไห้เลย
 
ดู เหมือนจะดี แต่ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพราะเค้าเองก็ควรจะได้ทำในสิ่งที่เด็กคนอื่นเค้าทำกัน ไม่ใช่มองไปทางไหนก็เจอแต่พ่อมัน ป๊ามัน ไม่มีทางเลือกอื่นเลย...

แม้ น้องเว็บจะไม่สามารถแหกปากร้องไห้เรียกร้องความสนใจในวัยเด็กกับใครได้ แต่ขอให้น้องเว็บรู้ไว้เสมอนะว่า ไม่ว่าน้องเว็บจะเป็นเด็กเล็ก หรือโตเป็นควายแค่ไหนก็ตาม คนที่จะอยู่ในวันที่น้องเว็บร้องไห้ตลอดอะ.. คือป๊าคนนี้ เข้าใจมั๊ย (ปล. ถ้าป๊าไม่ตายซะก่อนนะ...)
 
รักลูกนะ.. อดทนหน่อยนะลูก
(5 พฤศจิกายน 2551)

ขอโทษนะ..

เมื่อวาน (20 เมย. 2551) เป็นอะไรไม่รู้ รู้สึกหงุดหงิดทั้งวัน ตื่นมาแต่เช้า ก็ปวดหลัง ปวดท้อง จนนั่งทำงานไม่ได้ แต่ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ ของพ่อต่อไป ทำงานบ้าน จนถึง 10 โมง ตามกำหนดเวลาปรกติที่จะต้องทำในช่วงเช้า ทำกับข้าวรอ น้องเว็บตื่น และก็มานั่งทำงานที่โต๊ะ จนถึงเที่ยง เป็นกิจวัตรประจำวัน เหมือนเช่นทุกวัน

แต่วันนี้ทำไมมัน รู้สึกหงุดหงิดเนี๊ยะ ทำงานไม่ได้เลย น้องเว็บตื่นมา เราก็ไม่ยอมคุยกะลูก ลูกก็มาจ๊ะเอ๋เรา เราก็ทำหน้าบึ้งๆ ใส่ รุ้ตัวนะ แต่ก็ยังทำ หลังจากน้องเว็บอาบน้ำ แปรงฟัน กินนม กะคอนเฟรค ให้อาหารปลา ที่บ่อปลาหน้าบ้านเสร็จ เค้าก็มานั่งเล่นเกมต่อ แต่เราไม่ได้คุยกับลูกเลย

พอรู้ตัวก็เริ่มคิดว่า หรือว่าเราเครียดเกินไปนะ ช่วงบ่ายๆ ก็เลยเบรคสักหน่อย ถูบ้าน ทำงานบ้าน ทำความสะอาดห้องนอน และก็ให้น้องเว็บ ช่วยกรอกน้ำลงขวดแช่ตู้เย็น หลังๆ นี่เค้าช่วยเราได้ละ ก็รุ้สึกเบาหน้าที่ลงไปนิดนึง (น้องเว็บ 7 จะ 8 ขวบละ) น้องเว็บแช่น้ำเสร็จ เราก็ทำงานบ้านเสร็จ ลงมาน้องเว็บก็นั่งเล่นเกม กับเพื่อนบ้านอยู่ ปรากฎว่า น้ำมันไหลออกมาจากตู้เย็น เพราะน้องเว็บปิดฝาไม่แน่น (แรงเด็ก จะมีแค่ไหนกัน ธ่อ) แล้วก็เอาขวดวางนอน น้ำมันก็ไหลออกมาหมด เราก็เลยเรียกน้องเว็บมา แล้วก็ดุแบบค่อนข้างใช้อารมณ์ (งงตัวเองเหมือนกัน)

พอ ตกเย็น ได้เวลาออกไปหาซื้อของกิน เราก็เลยถือโอกาส พาเว็บไปเล่นว่าว ที่ท้องนาด้วย เพราะน้องเว็บบอกว่า อยากเล่นมาหลายวันแล้ว เค้าก็คงเบื่อละนะ เพราะว่าปิดเทอม มีแต่ดูหนัง เล่นเกม ดูทีวี อยู่กับพ่อเราเพียงลำพัง เค้าก็น่าจะเบื่อเหมือนกัน เราก็เอาแต่ทำงานๆ ไม่ค่อยได้เล่นอะไรกับเค้า ก็เลยพาขี่รถไปเล่น ที่ลาดกว้างห่างจากบ้านไปประมาณ 7 กิโล น้องเว็บเล่นว่าวเป็นแล้ว เพราะเป็นว่าวผ้า ขึ้นง่ายมาก เราก็พาไปเล่นที่ลานกว้าง และบอกให้รอที่นั่น เพราะจะขี่รถไปซื้อว่าวให้อีกตัว เพื่อให้เพื่อนน้องเว็บ จะได้เล่นด้วยกัน ปรากฏว่า กลับมา ก็เห็นน้องเว็บกับเพื่อน กำลังช่วยกันดึงว่าว ที่ตกเข้าไปในป่า โกรธอีก เรานี่ก็โกรธอีก โกรธว่า เล่นยังไงให้มันตก เอ๊อ.. ดุอีกแล้ววุ๊ย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แล้วก็บ่นๆๆๆๆ ไรก็ไม่รู้อีกเยอะแยะ ไรเนี๊ยะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันนะ

วันนี้ ตอนนอน เค้าไม่ยอมมากอดเรา เพราะคิดว่าเราคงจะโกรธเค้าอยู่มั๊ง เราเองก็เริ่มรู้สึกผิด แต่ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน พยายามนิ่งๆ เงียบๆ แต่ถึงตอนที่นั่งพิมพ์ข้อความนี้อยู่ ก็ยังคงปวดหลัง และปวดท้องอยู่ตลอดเวลา เมื่อกี๊.. ขึ้นไปหาลูก กอดลูก หอมแก้มเค้า หอมปลายเท้าเค้า เหมือนที่เคยทำ และกระซิบข้างๆ หูเค้าว่า..

"ป๊าขอโทษ ป๊ารักลูกนะ"

30 ก.ค. 2551

วันแม่..ที่โรงเรียน

กิจกรรมวันแม่ เป็นกิจกรรมที่ประชาชนชาวไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปี ในทุกๆ หน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน สถานศึกษา หน่วยงานราชการ ต่างก็พร้อมใจร่วมกันจัดงานวันแม่ เพื่อเป็นการเชิดชูคุณงามความดีของแม่ของชาติไทย นั่นคือสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตย์ ของพวกเราทุกคน ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการร่วมกันรำลึกถึงคุณงามความดีของคำว่า "แม่" ในความหมายของแม่ ที่แท้จริงอีกด้วย

วันนี้ ตอนน้องเว็บกลับจากโรงเรียน น้องเว็บ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง และเดินมายังผม แล้วบอกว่า "ป๊า ขอ 5 บาท ป๊าต้องเซ็นด้วยนะ" ผมก็เลยถามว่า "อะไร ขอป๊าดูหน่อย สงสัยเป็นใบขออนุญาตฉีดยาน้องเว็บจากโรงเรียนแน่เลย" (คือล้อเค้าเล่นนะครับ เพราะเด็กทุกคน กลัวเข็มฉีดยา) เค้าก็ทำหน้าโกรธใส่แล้วบอกว่า "ป๊าๆๆๆ ไม่ใช่ เค้าให้ป๊าเซ็นซื้อดอกมะลิ เพื่อมอบให้แม่ในงานวันแม่ตะหาก"

ทุกๆ ปี พอใกล้ๆ กับเทศกาลวันแม่ ผมเองต้องกังวลทุกที เพราะถึงตอนนี้ ก็เข้าปีที่ 5 แล้ว ที่วันแม่ของลูก ไม่มีแม่ของเค้าไปร่วมงานวันแม่ที่โรงเรียน แต่ปีแรก ที่แม่เค้าจากไป ก็ยังดีหน่อย ที่มีเค้ามาร่วมงาน อาจเป็นเพราะเป็นปีแรกที่เค้าจากไป ก่อนที่น้องเว็บจะเข้าอนุบาล 1 เลยทำให้เค้าเองยังคงมาอยู่ แต่งานนี้ไม่ประทับใจเท่าไหร่ แม้โฆษกบนเวทีจะประกาศเรียก ผู้ปกครองของน้องเว็บขึ้นบนเวที แล้วถัดจากนั้น ก็จะมีบรรดาลูกๆ คลานเข่าเข้ามาหา แล้วก็กราบลงที่เท้าคุณแม่ จะเป็นภาพที่ประทับใจสักเพียงไหน แต่สุดท้าย เมื่อพิธีการสิ้นสุด ดอกไม้ พวงมาลัย ที่แทนความรักของ น้องเว็บ เด็กนักเรียน ที่เพิ่งเข้าอนุบาล 1 อายุยังไม่ถึง 4 ขวบ ผมยังต้องล้างก้นให้ อาบน้ำให้ แม่ของเค้าเอง ก็ยังไม่สามารถเก็บมันติดตัวกลับไปได้ อันด้วยสาเหตุที่ว่า กลัวแฟนใหม่จะเข้าใจผิด.. เป็นคำพูดที่สุดซึ้งที่ลูกยังไม่สามารถรับรู้ความหมายได้

ปีนี้ ก็เช่นกันกับทุกๆ ปี เพราะหลังจากนั้น วันแม่ที่โรงเรียน ก็ไม่เคยมีคนที่ได้ชื่อว่าแม่ของน้องเว็บ มาปรากฎอีกเลย ผมเอง ในวันที่โรงเรียนจัดพิธีวันแม่ ก็ให้ลูกหยุดทุกปี ถามว่าทำไม แม้ว่าคุณครูประจำชั้น จะบอกว่า เค้าอาสาจะเป็นคุณแม่ให้ หรือว่า ให้คุณพ่อไปเป็นคุณแม่ให้ก็ได้ แต่ผมทำไม่ได้ เพราะความรู้สึกต่างๆ บรรยากาศ มันอาจทำให้ลูกของผมต้องคิดมาก หรือเกิดการเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่ขาดหายในเรื่องนี้เหมือนกัน มีคนหลายคน ตำหนิผมเรื่องนี้ แต่เค้าหารู้ไม่ว่า ทางที่ดีที่สุด คือทางที่ผมได้ตัดสินใจกระทำมาตลอดนั่นคือ วันแม่คือวันหยุดที่ผมกะลูกจะอยู่ด้วยกัน และผมจะพาเค้าไปซื้อของ ช้อบปิ้ง แม้น้องเว็บจะไม่มีแม่ แต่ผมก็ได้ทำหน้าที่แม่ และพ่อของเค้า มาตลอด

ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะว่าผมแคร์ความรู้สึกของน้องเว็บ มีเพื่อนๆ น้องเว็บเคยมาถามว่า "แม่น้องเว็บไปไหน" น้องเว็บก็ได้แต่ตอบว่า "หม่าม๊าไปทำงาน" บางทีก็ตอบว่า "หม่าม๊าไปมีแฟนใหม่" คำตอบอันหลังนี้ ผมเองเป็นคนบอกเค้าเอง เพราะต้องการสอนให้น้องเว็บได้รู้ว่านี่คือความจริง แต่ก่อน เป็นเด็ก อาจบอกกับเค้าว่า แม่เค้าไปทำงาน แต่น้องเว็บจะแปดขวบแล้ว เลยต้องสอนให้รู้จักความจริง เค้าจะได้ไม่ต้องคิดให้มากว่า ถ้าแม่เค้าไปทำงาน แล้วทำไมไม่กลับมาหาน้องเว็บบ้างเลย และนี่คือความจริง ผมจะสอนแต่ความจริง เพราะเราสองคนอยู่บนโลกแห่งความจริง และเราทุกคนก็เช่นกัน

เราอยู่กันสองคนแบบนี้ได้สบายมากแล้วครับ อาจไม่เหมือนช่วงปีแรกๆ ที่ค่อนข้างลำบากใจหน่อย ถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะกี่วันแม่ก็ตาม เราก็จะผ่านมันไปได้อย่างสวยงาม.. จริงมั๊ยน้องเว็บ ป๊ารักลูกนะ

เช้าวันพุธ ที่ 30 กรกฎาคม (09.36 น.)

วันแห่งอิสรภาพ หนุ่มเรดนนท์

เช้าตรู่ของวันศุกร์ ที่ 5 กรกฎาคม 2556 หลังจากเคารพธงชาติกันเสร็จแล้วตามปกติอย่างเช่นทุกวัน เสียงไมค์จากที่ทำการแดนหนึ่ง ก็ประกาศเรียกชื่อเร...