วันนี้ เป็นวันที่ต้องรีบสร้างแรงบันดาลใจ กำลังใจ ให้กับตัวเองอีกวัน แม้เงินในกระเป๋าจะสร้างความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง แต่พอคิดถึงค่าใช้จ่ายในเดือนถัดไป และสิ่งที่มันยังสงบอยู่ รอวันประทุขึ้นมาแล้ว ก็ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย คือต้องคิดเผื่อเอาไว้ ไม่อยากพลาด เพราะเวลานี้มันจะพลาดอะไรไม่ได้บ่อยนัก
ยังดี ที่ภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เคลียร์สิ่งที่คาใจไปอย่างน้อย 2 เรื่อง โดยการตัดสินใจเผชิญหน้ากับมัน ซึ่ง 2 สิ่งนี้ สร้างความอึดอัดให้กับเรามาก นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่เราสามารถกำจัดมันออกไปได้ และได้เพิ่มความมั่นใจในความคิด และการกระทำของเรา มากขึ้น ซึ่งมันเป็นผลดี ต่อการคิดและตัดสินใจในภายหน้า อย่างแน่นอน นั่นคือเรื่องป้ายรางวัล และเรื่องคดีชนป้ายเสาบอกทาง เมื่อเดือนสิงหาคม รู้สึกโล่งใจขึ้นมากจริงๆ
แต่มันก็เป็นเพียง 2 สิ่งที่แก้ไขไปได้ แล้วก็ยังมีสิ่งที่ต้องคิดกันต่อไป ในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
เดือนนี้ เข้าเดือนที่ 2 แล้ว ที่เราขาดรายได้ประจำหลักไป อย่างน้อย 2.5 หมื่นบาท ซึ่งทำให้ชีวิตเราช่วงนี้ ค่อนข้างตึง ไม่เหมือนก่อน เป้าหมายเวลานี้ คือทำอย่างไร ถึงจะมีอิสระ ปลดพันธนาการ จากเงื่อนไขนี้ ซึ่งมันไม่ยากนะ เพียงแต่ เราต้องคิด และวางแผนให้มันรัดกุม และลงมือทำโดยเร็วที่สุด
เดือนนี้ หากยังมีปัญหาอีก สร้อยทอง ที่คอ คงต้องเอาไปขัดตาทัพก่อนแน่นอน
ตื่นเช้ามา แบบไม่ค่อยมีกำลังใจจะทำอะไรเลย เป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ แต่ถ้าเราปล่อยให้มันแย่แบบนี้ มันก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร
ปลุกความคิด และกำลังใจด้วยการเปิดคลิปเฮียตันฟัง ฟังไปได้คลิปหนึ่ง ก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมานิดนึง พออุ่นเครื่องได้แล้วในวันนี้ สตาร์ทติดช้าหน่อย แต่ก็สตาร์ทได้แล้วแหละ
วันนี้จะปรับโต๊ะทำงานใหม่ อินเตอร์เน็ต ใช้ฟรีไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ใช้เน็ตมือถือก็ได้ ดีซะอีก จะได้มีเวลาวางแผน คิดงานอะไรมากขึ้น การมีอินเตอร์เน็ต ที่ต่อใช้ได้ตลอดเวลา บางทีมันก็ไม่เป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะมันจะเพลิน กับการดูโน่นดูนี่ ลองใช้วิธีนี้ดู เผื่องานจะออกมาได้ดีมากขึ้น
เรื่องบ้านที่เราอยู่เวลานี้ เรารู้แหละว่า มันเหมือนเล่นเกมกันอยู่ ระหว่างเรา กับเจ้าของบ้าน ผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ แต่เราก็มีวิธีรับมืออยู่ ช่วงนี้เหมือนซื้อเวลา ซึ่งเรามีเวลาน้อยมาก รอช้าไม่ได้จริงๆ
ไม่มีใครให้กำลังใจ.. เราก็ให้กำลังใจตัวเองละกัน
รักลูกนะ
เสาร์ 2018-12-08
หนุ่มเรดนนท์
ชีวิต ความทรงจำ การถูกคุมขัง การเดินทาง
8 ธ.ค. 2561
[เขียนไว้ให้ลูกอ่าน] เดี๋ยวมันก็ผ่านได้เองแหละ
26 พ.ย. 2561
[เขียนไว้ให้ลูกอ่าน] เวลาคิดอะไรไม่ออก ป๊ามีวิธีแก้ไขยังไง?
เวลาป๊าคิดอะไรไม่ออก หรือช่วงที่จิตใจมีเรื่องให้คิดมากสักหน่อย ป๊าก็จะคิดถึงลูก สังเกตได้ คือจะเอารูปน้องเว็บมาโพสต์ ในหน้า Facebook นั่นเป็นสิ่งแรกที่จะทำ และมันจะช่วยทำให้จิตใจของป๊าดีขึ้นในระดับหนึ่งในทันที สิ่งที่ทำนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องที่เราสองคน น่าจะรู้ และเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก
สถานะคนโสด ไม่มีครอบครัวมาเกือบ 20 ปีแบบป๊านะ จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ว่ามีลูกหรอกนะ เพราะมันเสียเรทติ้ง 555+ แต่คนเราทุกคน มันหลีกหนีความจริงแห่งชีวิตไม่ได้หรอก การมีลูก การเป็นพ่อหม้าย แม่หม้าย คุณพ่อ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สมัยนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลก คนที่เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวได้ ป๊าคิดว่า เป็นสิ่งที่น่านับถือซะมากกว่า เพราะมันต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันไง
และเวลานี้ ก็ชินกับการอยู่ตัวคนเดียวซะแล้ว อายุก็มากแล้ว เวลานี้ ป๊าคิดแค่ว่าจะสร้างฐานะตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ได้อย่างไร และอยากมีโปรเจคสักชิ้นหนึ่ง ทำก่อนตาย คืองานที่เกี่ยวกับอาสาสมัคร ช่วยเหลือคนแก่ ที่ขาดที่พึ่งทางใจ อันนี้ซีเรียส และอยากทำมาก และป๊าจะคิดทำให้ได้ ในประเทศนี้นี่แหละ..
เพราะป๊ารู้สึกว่า ตัวเองนับวัน จะห่างจากอากง อาม่า ขึ้นไปทุกที เข้าปีที่ 5 แล้ว ที่ป๊าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดพวกท่าน และป๊าอาย ที่จะไลน์ไปคุยกับท่าน เพราะเวลานี้ ป๊าก็ยังไปได้ไม่ดีเท่าไหร่ ในชีวิตการทำงาน ตลอดห้าปีที่อยู่ที่นี่
รู้สึกเป็นคนอกตัญญูยังไงไม่รู้ เลยคิดว่า หากเป็นไปได้ ก็อยากจะทำงานอะไร เพื่อชดเชยความผิด ที่ไม่สามารถดูแลอากง อาม่าได้ในเวลานี้สักหน่อย หากยังไม่ได้กลับบ้านนะ งานนี้คงจะช่วยให้ป๊ารู้สึกสบายใจมากขึ้น ส่วนน้องเว็บ เวลานี้ ก็ช่วยทำหน้าที่ลูกแทนป๊าไปก่อนก็แล้วกัน
ปีหน้า.. จะเป็นปีทองของป๊า เพราะมีโปรเจค 1-2 ชิ้น ที่ป๊าจะทุ่มเทกำลังเต็มที่ไปกับมัน และคิดว่ามันต้องสำเร็จแน่ คิดไปแล้ว หากเทียบสมัยตอนป๊าเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ จนกระทั่งเป็นเจ้าของบริษัทเอง ตอนอยู่ไทย ยังใช้เวลามากกว่า 5 ปีที่ป๊าได้เริ่มต้นจาก 0 ใหม่ ตอนอยู่ที่นี่ โดยไม่มีทุนอะไร
และวันนี้ ป๊ากำลังจะกลับไปยืนอยู่ในจุดเดิม ที่เป็นเจ้าของธุรกิจแบบเดียวกับที่อยู่กับไทย.. อีกครั้ง
เป็นกำลังใจให้ป๊าด้วยละกัน..
ได้ระบายออกทางตัวหนังสือ จากการเขียนบันทึกฉบับนี้แล้ว ก็รู้สึกคิดอะไรออกมากขึ้นละ รู้สึกหิวข้าวมากตอนนี้ เดี๋ยวจะไปหาอะไรทำกินในครัวก่อน แล้วค่อยมาเร่งเขียนโปรเจคที่ค้างอยู่ให้เสร็จต่อ.. จะดีกว่า
รักลูก.. ป๊าเอง (Nov. 26, 2018 - 11:02 PM)
7 ก.ย. 2558
[บันทึกชีวิตในต่างแดน] หมูเว็บ กับมิตรภาพที่กำลังสั่นคลอน

ได้คุยกับลูก และส่งโลโก้หมูน้อยให้ลูกดู ลูกชอบมาก และบอกว่าเจ๋งดี ลูกเราคนนี้ นิสัยค่อนข้างต่างจากเรานะ เป็นเด็กเรียบร้อย ไม่หวือหวา แบบเรา เมื่อวาน เป็นวันอาทิตย์ เขาก็แต่งชุดนักเรียน ไปเชียร์กีฬาที่โรงเรียน เพราะมีการเชิญพวกเขาไป เป็นเรา เราไม่แต่งชุดนักเรียนหรอก คืออยากแหกคอกอะไรบ้าง เชื่อได้เลยว่าลูกไม่เคยโดดเรียน ตอนเรา ม.3 อยู่ วัดบวรนิเวศน์ นี่กลางวันก็แอบหนีออกไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่สะพานวันชาติทุกวันแล้ว คือมีความแก่นมากกว่าลูกเราตอนนี้มาก (แต่ไม่เคยโดดเรียนนะ เป็นเด็กเรียบร้อยพอสมควรในเวลานั้น)
กำลังใจจากลูกนี่แหละ ที่ทำให้เรายืนอยู่ได้จนถึงวันนี้ จริงอยู่ แม้ว่าวันเวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน บางทีมันก็อาจมีลืมลูกบ้าง เพราะปากกัดตีนถีบ แต่เวลาเหงาๆ แล้วก็นึกถึงเขาทุกที
การเปิดขายอาหารที่ตรงนั้น กำลังจะนำมาซึ่งปัญหาระหว่างเรา กับเพื่อนที่เหลืออยู่ที่นี่คนเดียวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะยังไงเขาก็ต้องเข้าข้างผู้หญิง และเวลานี้ ผู้หญิง เป็นตัวหลักในการหารายได้ บางครั้ง การ "ยอม" ผู้หญิงที่มากเกินไป มันก็เหมือนการ "ส่งเสริม" ให้เขาเดินไปสู้จุดที่มีความ "มั่นใจ" ในตัวเองสูงเกินไป
เราว่า ประสบการณ์ในการทำการค้าของเธอ ยังน้อยเกินไป เวลานี้ เราชั่งน้ำหนักอยู่ระุหว่างการไปขายอาหารที่ตรงนั้น แล้วเจอปัญหาที่ไม่รู้จะมีเรื่องอะไรอีก และสุดท้าย ความแตกหักระหว่างมิตรที่ยืนยาวมาจนถึงตอนนี้ อาจต้องจบลง เพราะผู้หญิงคนนึง มันต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
กับอีกทางหนึ่งคือการแยกตัวออกมา แล้วมาขายอยู่หน้าบ้านตัวเอง ที่เป็นทำเลที่อาจจะสู้ตรงนั้นไม่ได้ แต่เราสบายใจกว่า
ได้เวลาตัดสินใจละ..
31 ส.ค. 2558
ความภาคภูมิใจ ของการเป็นนักต่อสู้ อย่างเรา

ตัวเราเอง หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ที่ดูแลเราอยู่ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ให้เราหยุด ยุติบทบาท เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และให้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน สร้างรายได้ เพื่อรองรับการอยู่ยาวในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเราก็น้อมรับ และปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง จนทำให้เราต้องมีปัญหากับเพื่อน และผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ยอมทำตามคำแนะนำเหล่านั้น
ยอมรับว่า การยุติบทบาท เป็นนักเคลื่อนไหวของเรา สร้างความไม่พอใจให้กับใครบางคนที่นี่ ถึงขั้นออกคลิปโจมตี ใส่ร้ายต่างๆ นานา ซึ่งเราก็อดทนเรื่อยมา และมันขัดกับนิสัยใจร้อนของเรามากๆ ที่มีอะไร ก็จะตอบโต้กลับในทันที เพราะเราก็ถือว่า เราก็พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง
แต่ที่ไม่ทำ ไม่ตอบโต้ ก็เพราะ เราเกรงใจเจ้าของพื้นที่ คือถ้าเกิดเรื่องราวกันไปมา มันย่อมไม่เป็นผลดีต่อคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ อย่างแน่นอน
เราใช้เวลาในการเซทอัพชีวิตใหม่ วางเป้าหมายชีวิตใหม่ กับการ "ลงหลักปักฐาน" ด้วยการคิดทำธุรกิจเล็กๆ เพื่อสร้างรายได้ ประคองตัวให้อยู่รอด ในช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ จนกระทั่งถึงวันที่จะได้กลับบ้าน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีปัญหาสารพัด โดยเฉพาะเรื่อง "เงินทุน"
และแน่นอน เราสัญญากับตัวเองว่า เราจะไม่ "หันกลับไปร่วมขบวนการต่อสู้" ที่นี่อีก แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเรา "ถอดใจ" ออกจากการเป็นนักต่อสู้ นักเคลื่อนไหวใดๆ การติดคุกเป็นเวลานานในบ้านเกิด ความเจ็บปวดกับระบบอยุติธรรมที่นั่น ที่เรา กับครอบครัวได้รับ มันไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเราไปได้อย่างแน่นอน
แต่เวลานี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ "การเอาตัวเองให้รอด" โดยไม่รอรับการบริจาคจากใครอีกต่อไป
ความไม่สบายใจเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนบางคน ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในกลุ่ม พยายามผลักดัน และโน้มน้าวให้เรากลับไปสู่วังวนการต่อสู้อีก โดยชี้นำต่างๆ นาๆ และบางส่วน ก็ตำหนิเราว่า "ไม่เป็นนักต่อสู้"
ในขณะที่พวกเขาเอง ก็ยัง "เอาตัวไม่รอด" ยังต้องรอรับเงิน จากผู้ใหญ่บางคนอยู่
เห็นทีงานนี้ นอกจากจะหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว ก็คงต้องหยุดคบหา หรือรักษาระยะห่างจากมิตรสหายผู้หวังดีพวกนี้ เอาไว้ไกลๆ ตัวกว่านี้ น่าจะดีกว่า
เราไม่อยากเป็น "นักเคลื่อนไหว" ที่เคลื่อนไหวเพื่อได้เงินมาประทังชีวิตไปวันๆ
แต่เราอยากเป็น "นักเคลื่อนไหว" ที่เคลื่อนไหว ด้วยกำลัง และทุนทรัพย์ของตัวเอง
ความภูมิใจมันต่างกัน !!
3 เม.ย. 2557
ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป
คุยกับยุทธภูมิ และณัฐว่า วันที่ 5 เมษายน นี้ เราจะเอาเข็มกลัดไปขาย ยุทธภูมิ จะเอาน้ำยาต่างๆ ของเขาไปขายที่ถนนอักษะ งานชุมนุมของ นปช.
คิดถึงวันนั้นก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันที เหนื่อยกับการเดินทาง เหนื่อยกับการดิ้นรน แต่มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องทำแหละ ไม่งั้น ก็คงไม่มีรายได้เข้า สิ่งที่เราคิดจะทำต่อ มันก็คงไปต่อไม่ได้
เช้านี้ เป๋ามาเคาะประตู เอาเงิน ค่าเขียนบทความมาให้ เราไม่คิดว่าเราจะได้เงินตรงนี้นะ แต่เขาก็เอามาให้ 1 พัน สำหรับ 2 บทความ เรารู้สึกเหมือนใครหลายคน พยายามจะช่วยเรา ให้เราอยู่ได้ ก็รู้สึกอายจริงๆ โชคดี ที่ช่วงนี้ เรามีเครื่องทำเข็มกลัด ที่พอจะทำเงินได้บ้าง แต่เราคงต้องทำการตลาดต่อไป เพื่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง
อยากเขียนหนังสือแล้วละ ตั้งใจจะเขียนให้เสร็จตั้งแต่ออกมาจากคุกแล้ว แต่มันไม่มีอารมณ์เขียนสักที ไม่ไหวเลย ไม่ได้เรื่องเลยเรา
อาทิตย์นี้ จะทำเรื่องธนะพงศ์ ให้เรียบร้อย เอาเขาขึ้นมากรุงเทพฯ จัดหาแท็กซี่ให้เขา เป็นเรื่องที่เรารับปากเขามานาน แต่ไม่ได้ขยับซักที อาทิตย์นี้ต้องทำให้ได้
1 ม.ค. 2557
ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่..
5 ก.ค. 2556
วันแห่งอิสรภาพ หนุ่มเรดนนท์
เช้าตรู่ของวันศุกร์ ที่ 5 กรกฎาคม 2556 หลังจากเคารพธงชาติกันเสร็จแล้วตามปกติอย่างเช่นทุกวัน เสียงไมค์จากที่ทำการแดนหนึ่ง ก็ประกาศเรียกชื่อเราให้ไปพบ ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่ามีธุระด่วน สำคัญอะไรกันนักกันหนาถึงต้องเรียกกันเช้าแบบนี้
หน้าประตูแดนมีเจ้าหน้าที่จากแดนนอกเข้ามาหลายคนไม่เหมือนปกติ อ้อ.. ผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขังคนนั้นนั่นเอง แกกวักมือเรียก ให้เข้าไปคุยในห้องหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดน 1 เราก็คิดว่า มีเรื่องอะไรแน่ๆ เลย จึงเดินเข้าไปพบด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
ผอ. เชิญให้นั่ง ในบรรยากาศเงียบสนิท แอร์เย็นฉ่ำจนหนาว เขามองหน้าผมอย่างมีรอยยิ้มเล็กน้อย
[หัวหน้า] เออ.. มีข่าวดี..
[เรา] ข่าวดีอะไรครับหัวหน้า?
[หัวหน้า] ข่าวดีละกันนะ เรื่องนั้นแหละ..
[เรา] เฮ้ย หัวหน้าอย่าล้อผมเล่นนะ เราเริ่มขนลุก แล้วมีน้ำออกจากตานิดๆ
[หัวหน้า] เอ๊า.. จะล้อเล่นทำไม นี่คุณอย่ามาร้องไห้นะ เดี๋ยวผมก็ร้องตามคุณหรอก ไป๊ ไปได้แล้ว เตรียมตัวเก็บข้าวของตัดผมให้เรียบร้อย วันนี้กลับบ้านไปหาลูกได้แล้ว
[เรา] จริงหรือครับหัวหน้า (ทีนี้ละน้ำตาไหลเลย แบบยั้งไม่อยู่) เราเดินเข้าไปกอด ผอ. แล้วกล่าวขอบคุณเขาด้วยความดีใจ และคิดว่ามันคือความฝันหรือเปล่านะ
เดินออกมาจากห้องหัวหน้าฝ่ายด้วยใบหน้าเหี่ยวๆ แต่เต็มไปด้วยความสุข ชูแขนซ้ายขึ้นข้างศรีษะ ท่ามกลางเพื่อนๆ ผู้ต้องขังที่ต่างก็มองมาดูด้วยความแปลกใจว่า ไอ้เหียกนี่ มันดีใจอะไรกันนักกันหนา
พอรู้ความจริง ทุกคนต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีด้วย บ้างก็จับไม้จับมือ เข้ามากอด หยิกแก้ม ดึงผม สารพัด เอาเหอะ ใครจะทำอะไรก็ทำ เพราะวันนี้ เราจะไม่อยู่แล้ว
เราวิ่งไปบอกอาจารย์สุรชัยเป็นคนแรกเลย อาจารย์ถามว่าจริงหรอ แล้วได้คนเดียวหรอ เราก็ตอบตามความจริง อาจารย์ก็แสดงความยินดีด้วย เราแอบเห็นสีหน้าของแกที่ออกจะผิดหวังเล็กน้อย ที่น่าจะมีชื่อแกอยู่ในการอภัยโทษครั้งนี้ด้วย
ทันทีที่ข่าวการได้รับอภัยโทษเผยแพร่ออกไป เพื่อนๆ ต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี ไม่ใช่แค่แดนหนึ่งที่เราอยู่แดนเดียว แต่แทบจะทุกแดนที่วันนี้ มีคนรู้จักเราเยอะ ก็แน่นอนละ เราอยู่มาสามปีเศษๆ แล้วนิ กว่าจะร่ำลา เขียนเฟรนชิฟกันเสร็จ แบ่งสมบัติส่วนตัว ที่ตอนนี้ มีคนมารุมมาตุ้ม ห้อมล้อมหน้าหลัง เพื่อมาขอของใช้เรา กว่าจะแบ่งเสร็จก็สามโมงกว่า
ผู้คุมเปิดเรือนนอนห้องเรา ให้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้อาบน้ำเตรียมตัว เราบอกลาไอ้เบิ้ม คู่คดีไอ้บอมบ์ คดีร่วมฆ่าเอกยุทธ อัญชันบุตร ที่นอนอยู่ข้างกันเสร็จ ก็หิ้วกระเป๋าสามไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่มีผู้มีพระคุณซื้อให้ และสำคัญที่สุด คือ ถุงเอกสาร อีเมล์จดหมายที่หวงแหนที่สุด ที่เก็บมันมาอย่างดี เป็นเวลาสามปีเศษ
คนที่กำลังจะเดินพ้นประตูเรือนจำ กับกระเป่าเอกสารพะรุงพะรัง สามใบ เหงื่อเปียกไปทั้งตัว แต่มีรอยยิ้มแห่งความสุขอยู่บนใบหน้า ถูกส่งไปยังห้องโถงใหญ่ ที่มีการจัดเตรียมพิธี เพื่อรอการอ่านพระบรมราชโอการฯ เจ้าหน้าที่บอกให้เราไปจูดธูปองค์พระประธานใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง เรานั่งลงด้วยอาการสงบ หลับตาลง และนั่งนิ่งๆ อยู่หลายนาที ขณะที่น้ำตามันก็ไหลออกมาเรื่อยๆ "นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย"
ผู้บัญชาการ สรสิทธิ์ จงเจริญ เดินเข้ามายังห้องโถงที่เตรียมจัดพิธีอยู่ ด้วยชุดเครื่องแต่งกายเต็มยศ แบบเดียวกับที่พวก สส. ถ่ายที่หน้าทำเนียบตอนปรับ ครม. เลย พิธีดำเนินการดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด ศักดิ์สิทธิ์ เรานั่งคุกเข่าอยู่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ผู้บัญชาการอ่านพระบรมราชโองการอภัยโทษ เพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น เมื่อจบ ผู้บัญชาการก็กล่าวอบรม แนะนำแนวทางชีวิตหลังพ้นโทษออกไป จากนั้น ก็มีการถ่ายรูปกัน เพื่อเก็บเป็นข้อมูล เพื่อถวายรายงานกลับไปยังสำนักพระราชวังต่อไป
พิธีเสร็จแล้ว เขาก็ให้เราไปตรวจสอบลายนิ้วมือ พิสูจน์เอกลักษณ์ที่เป็นขั้นตอนของทางเรือนจำตามปกติ จากนั้นก็มอบใบบริสุทธิ์ เพื่อแสดงว่า บัดนี้ สถานะ นช. (นักโทษชาย) ของเรา ได้กลับสู่สถานะ นาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เสร็จสิ้นกระบวนการทางเอกสารเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น จะถึงเวลาที่เรารอคอย เราแบกกระเป๋าสามใบ เดินตามผู้คุมออกไปยังประตูที่เราคุ้นเคย ประตูเหล็กหนา สูงใหญ่ เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่ปรกติเราจะไม่ค่อยได้เดินผ่านประตูนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันเป็นประตูที่ใกล้กับประตูออกสู่โลกภายนอกมากที่สุด จะได้ผ่านประตูนี้ก็ต่อเมื่อเราต้องออกศาลเท่านั้น เราก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปยังอีกล็อคหนึ่ง แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นเพื่อนๆ มาคอยอยู่แล้วที่หน้าเรือนจำ
ผู้คุมที่ดูแลบัญชีเงินฝากผู้ต้องขัง และของฝากที่เราเคยฝากเอาไว้ตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็นำเอาเงินฝากที่เหลืออยู่ไม่กี่พันบาท กับนาฬิกาเก่าๆ ที่หยุดเดินมานานแล้ว และเต็มไปด้วยสนิม นำมาให้ ผมเซ็นชื่อรับ และเดินออกจากประตูเรือนจำด้วยความดีใจที่สุด.. ผมเป็นอิสระภาพแล้ว
รวมระยะเวลาที่หมดสิ้นอิสรภาพ..
3 ปี 3 เดือน 15 วัน
วันแห่งอิสรภาพ หนุ่มเรดนนท์
เช้าตรู่ของวันศุกร์ ที่ 5 กรกฎาคม 2556 หลังจากเคารพธงชาติกันเสร็จแล้วตามปกติอย่างเช่นทุกวัน เสียงไมค์จากที่ทำการแดนหนึ่ง ก็ประกาศเรียกชื่อเร...

-
เมื่อวานนี้ มีสาวคนหนึ่งบอกว่า อยากให้ผมดูหนังเรื่อง "คนเล็ก.. ของเล่นใหญ่" ที่แสดงโดยโจวซิงฉือ กับเด็ก และมนุษย์ต่างดาว เพราะเ...
-
สงสัยมานานแล้วว่า เวลาไปส่งน้องเว็บที่โรงเรียน ปรกติ น้องเว็บจะหอมป๊าทุกวัน แต่หลังๆ ช่วงอนุบาล 3 ปลายๆ น้องเว็บกลับไม่ค่อยทำแบบนั้น แปลกใจ...
-
ตอนนี้น้องเว็บก็อายุได้ 9 ขวบ 2 เดือนแล้ว โตขึ้นมากแล้ว น้ำหนักที่ชั่งได้วันนี้ก็ 27.2 กิโล ดูผอมนะ แต่ทำไงได้ เค้าก็กินข้าว กินนม กินขนมปรก...